ฆ่าตัวตาย..ขออย่าให้เป็นคำตอบสุดท้าย
สดจากจิตวิทยา
ข่าวการฆ่าตัวตายยังคงมีให้เห็นตามสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบในข่าวก็มักจะ
มีปัญหาในเรื่องของสุภาพ เช่น เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังรักษาไม่หาย ปัญหาทางเศรษฐกิจ
เช่น มีหนี้สินมาก ขาดทุน ล้มละลาย ผิดหวังในความรัก ล้มเหลวในการเรียน เป็นต้น ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักอยู่ในวัยที่สามารถจะยังประโยชน์ในแก่ตนเองครอบครัวและสังคมได้อีกความจริงทุกปัญหามักมีหลายทางออกให้เลือกเสมอ แต่การที่บางครั้งเรามองไม่เห็น
ทางออกอื่น อาจจะเนื่องมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาวะอารมณ์ที่กำลังรุนแรงอยู่ในขณะนั้น เช่น
รู้สึกเศร้าเสียใจมากจากการสูญเสียคนที่รักอย่างกะทันหัน ผิดหวัง น้อยใจ รู้สึกผิด รู้สึกตัวเองไร้ค่า ไม่มี
ใครรัก ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร เป็นต้น สภาวะอารมณ์เหล่านั้นจะบดบังสติ ทำให้ขาดเหตุผล จนนำไปสู่การตัดสินใจ
ฆ่าตัวตายได้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการขาดที่พึ่งทางใจ บางคนไม่มีโอกาสได้ระบายความรู้สึกคับข้องใจกับใครเลยในยามที่มีปัญหา เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีใครให้ปรึกษา ไม่กล้าอาย หรือไม่ไว้วางใจใคร ซึ่งการคิดแก้ปัญหาตามลำพังบางครั้งเราอาจจะมองได้ไม่รอบด้าน ทำให้ไม่เห็นหนทางแก้ไขอื่น ๆ
สิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลมากต่อการตัดสินใจของคนเราก็คือมุมมองและการรับรู้ต่อปัญหานั้น ๆ
เป็นอย่างไร ด้านลบหรือด้านบวก คนที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักจะคิดแต่ด้านลบจึงพบว่ามีแต่ปัญหา ดังนั้น
หากคนเราหันมาลองฝึกคิดทางบวกดูบ้าง เชื่อว่าน่าจะช่วยให้การรับรู้ปัญหาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น กล่าวคือ เมื่อเราพบปัญหาและอุปสรรคใด ๆ ขอให้คิดก่อนเสมอว่าเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ปัญหาและอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเพื่อทดสอบเท่านั้น เราควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส คิดให้เป็นผลดีสำหรับเรา เช่น หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงรักษาไม่หาย ก็คิดว่าดีที่เรารู้ตัวล่วงหน้า จะได้มีโอกาสเตรียมตัว เตรียมใจ และมีเวลาทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำให้หมดห่วงถ้าอกหักผิดหวังในรัก ก็คิดเสียว่าดีที่จะได้มีโอกาสได้รู้จัก ได้รักคนอื่นซึ่งอาจจะดีกว่าคนเก่าก็ได้ หากผลการเรียนแย่ลงต้องเรียนช้ำเราก็มีโอกาสจะได้ทำความเข้าใจในเนื้อหามากกว่าคนอื่นที่เรียนรอบเดียว หรือสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ก็ไม่เห็นว่าต้องอับอายเสียใจจนต้องตาย เรียนที่ไหนก็ได้ขอให้เราตั้งใจเรียนให้จบ เรียนให้รู้จริง เราก็จะมีอาชีพเลี้ยงตัวได้เหมือนกัน เป็นต้น
ฝึกคิดทบทวนบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะไม่ใหญ่จนเกินแก้ ในที่สุดมันก็จะผ่านไปและกลายเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า เป็นภูมิคุ้มกันให้เรามีความมั่นใจดำเนินชีวิตต่อไปขอเพียงอย่าปล่อยให้ความคิดฆ่าตัวตายลอยนวลเข้ามาเป็นคำตอบสุดท้ายอีกเลย
สดจากจิตวิทยา
ข่าวการฆ่าตัวตายยังคงมีให้เห็นตามสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบในข่าวก็มักจะ
มีปัญหาในเรื่องของสุภาพ เช่น เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรือเรื้อรังรักษาไม่หาย ปัญหาทางเศรษฐกิจ
เช่น มีหนี้สินมาก ขาดทุน ล้มละลาย ผิดหวังในความรัก ล้มเหลวในการเรียน เป็นต้น ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักอยู่ในวัยที่สามารถจะยังประโยชน์ในแก่ตนเองครอบครัวและสังคมได้อีกความจริงทุกปัญหามักมีหลายทางออกให้เลือกเสมอ แต่การที่บางครั้งเรามองไม่เห็น
ทางออกอื่น อาจจะเนื่องมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาวะอารมณ์ที่กำลังรุนแรงอยู่ในขณะนั้น เช่น
รู้สึกเศร้าเสียใจมากจากการสูญเสียคนที่รักอย่างกะทันหัน ผิดหวัง น้อยใจ รู้สึกผิด รู้สึกตัวเองไร้ค่า ไม่มี
ใครรัก ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร เป็นต้น สภาวะอารมณ์เหล่านั้นจะบดบังสติ ทำให้ขาดเหตุผล จนนำไปสู่การตัดสินใจ
ฆ่าตัวตายได้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการขาดที่พึ่งทางใจ บางคนไม่มีโอกาสได้ระบายความรู้สึกคับข้องใจกับใครเลยในยามที่มีปัญหา เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีใครให้ปรึกษา ไม่กล้าอาย หรือไม่ไว้วางใจใคร ซึ่งการคิดแก้ปัญหาตามลำพังบางครั้งเราอาจจะมองได้ไม่รอบด้าน ทำให้ไม่เห็นหนทางแก้ไขอื่น ๆ
สิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลมากต่อการตัดสินใจของคนเราก็คือมุมมองและการรับรู้ต่อปัญหานั้น ๆ
เป็นอย่างไร ด้านลบหรือด้านบวก คนที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักจะคิดแต่ด้านลบจึงพบว่ามีแต่ปัญหา ดังนั้น
หากคนเราหันมาลองฝึกคิดทางบวกดูบ้าง เชื่อว่าน่าจะช่วยให้การรับรู้ปัญหาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น กล่าวคือ เมื่อเราพบปัญหาและอุปสรรคใด ๆ ขอให้คิดก่อนเสมอว่าเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ปัญหาและอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเพื่อทดสอบเท่านั้น เราควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส คิดให้เป็นผลดีสำหรับเรา เช่น หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงรักษาไม่หาย ก็คิดว่าดีที่เรารู้ตัวล่วงหน้า จะได้มีโอกาสเตรียมตัว เตรียมใจ และมีเวลาทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำให้หมดห่วงถ้าอกหักผิดหวังในรัก ก็คิดเสียว่าดีที่จะได้มีโอกาสได้รู้จัก ได้รักคนอื่นซึ่งอาจจะดีกว่าคนเก่าก็ได้ หากผลการเรียนแย่ลงต้องเรียนช้ำเราก็มีโอกาสจะได้ทำความเข้าใจในเนื้อหามากกว่าคนอื่นที่เรียนรอบเดียว หรือสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ก็ไม่เห็นว่าต้องอับอายเสียใจจนต้องตาย เรียนที่ไหนก็ได้ขอให้เราตั้งใจเรียนให้จบ เรียนให้รู้จริง เราก็จะมีอาชีพเลี้ยงตัวได้เหมือนกัน เป็นต้น
ฝึกคิดทบทวนบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะไม่ใหญ่จนเกินแก้ ในที่สุดมันก็จะผ่านไปและกลายเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า เป็นภูมิคุ้มกันให้เรามีความมั่นใจดำเนินชีวิตต่อไปขอเพียงอย่าปล่อยให้ความคิดฆ่าตัวตายลอยนวลเข้ามาเป็นคำตอบสุดท้ายอีกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น