วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ทำนายฝัน 9


เรื่องที่ ๗
ความฝันที่ทรงอิทธิพล
วีรสตรี คนสำคัญของประเทศฝรั่งเศสผู้หนึ่ง ชื่อ จานดาร์ค หรือ โจอัน ออฟอาร์ค เป็นผู้ที่ประชาชนชาวฝรั่งเศสมีความเลื่อมใสและนับถือเธอเป็นอันมากในวีรกรรมอันเก่งกล้า สามารถที่ช่วยประเทศชาติเอาไว้ให้พ้นจากอิทธิพลของต่างชาติ นั่นก็เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งความฝันซึ่งทำให้เธอกลายเป็นวีรสตรีคนสำคัญไป เพราะมีความสามารถผลักดันให้กองทัพของอังกฤษทั้งกองทัพต้องถอยกลับ ทั้งๆ เธอเองก็เป็นหญิงตัวเล็กๆ ที่มีจิตใจอ่อน ชอบทำบุญให้ทาน ทั้งอาชีพก็เป็นคนรับจ้างอยู่ในโรงแรมเล็กๆ เท่านั้น นอกจากนี้ก็มิได้มีลักษณะของเป็นผู้นำเลยแม้แต่น้อย แล้วก็มีอายุเพียง ๑๖ ปีเท่านั้นเอง
แต่เพราะความฝันแท้ๆ เธอจึงสามารถกอบกู้เอกราชมาให้เป็นประเทศชาติจนสำเร็จ เธอได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ได้บันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะความฝันแท้ๆ ที่ทำให้เธอกลายเป็นบุคคลสำคัญชั้นแนวหน้า เป็นวีรสตรีของฝรั่งเศสในขณะนั้น ซึ่งเราเรียกกันว่า เป็น “สงคราม ๑๐๐ ปี” ใน ค.ศ. ๑๘๘๐ – ๑๙๙๖ เป็นสงครามระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศสไม่มีความสามารถที่จะต้านทานแสนยานุภาพของกองทัพอังกฤษได้ ได้สูญเสียดินแดนทางภาคเหนือให้แก่กองทัพอังกฤษไป ในขณะนั้น กองทัพของอังกฤษกำลังพุ่งตรงเข้าสู่นครปารีส และในที่สุดก็ต้องเสียนครปารีสไปจนได้
ภายในนครปารีสก็เกิดความระส่ำระสานวุ่นวายสับสนอลหม่านขนาดหนัก เพราะกรุงแตก ประชาชนจึงขาดระเบียบ ขุนศึกทั้งหลายต่างพากันขวัญเสีย รวมกำลังกันไม่ติด หมดความสามารถที่จะรักษาความเรียบร้อยเอาไว้ได้ ในขณะที่พระเจ้าชาร์ลแห่งฝรั่งเศสและบรรดาขุนศึกทั้งหลายกำลังปรึกษาหารือกันนี้ กองทัพของอังกฤษก็เข้าทำการยึดเมืองออร์เลอองส์ได้อีกเมืองหนึ่ง
ในวันที่ชาติบ้านเมืองตกอยู่ในอาการวิปโยคนี้ คืนวันหนึ่ง จานดาร์ค วีรสตรีคนสำคัญนี้ก็ได้ฝันไปว่า ได้เห็นเทวดามาหาโดยลอยลงมาจากเบื้องบน แล้วสั่งให้เธอก่อกู้ประเทศฝรั่งเศสเอาไว้ให้พ้นจากเงื้อมมือของข้าศึก ซึ่งในขณะนี้ประเทศชาติอยู่ในฐานะคับขันยิ่งนัก แล้วว่า เธอเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่จะก่อกู้ยุคเข็ญในครั้งนี้ได้สำเร็จ
เธอตื่นตระหนัก แล้วแปลกประหลาดใจอย่างที่สุด เพราว่ามีตัวอย่างที่ไหนเทวดาจะมาสั่งให้ผู้หญิงตัวน้อยๆ ซ้ำอ่อนแออย่างเธอให้ออกไปกู้เอกราชของประเทศชาติเอาไว้ ผู้ชายอกสามศอกเป็นอันมากยังช่วยไม่ได้ เธอจึงไม่ยอมเชื่อความฝันนี้เลย
อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นความฝันเพียงครั้งเดียว เธอก็คงจะไม่มีความสนใจอะไรนัก และเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้น น่าสยดสยอง ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่จานดาร์ดฝันอย่างเดียวกันนี้ถึง ๓ ครั้ง เทวดามาลอยลงมาจากฟากฟ้า แล้ววิงวอนพร้อมกับรับรองว่าจะทำสำเร็จด้วย ดังนั้นจึงทำให้เธอบังเกิดความเชื่ออย่างแน่นอนว่า “เทวดามาสั่งให้เธอกู้เอกราชของชาติจริง”
เมื่อเธอมีความเชื่อมั่นดังนี้ พลังแห่งความคิด พลังแห่งความกล้าหาญก็ได้เกิดขึ้นเหมือนคนบ้าคลั่ง เธอจึงได้เข้าไปขันอาสา จึงได้ทูลความฝันให้พระเจ้าชาร์ลที่ ๗ ได้ทรงทราบโดยละเอียด พระเจ้าชาร์ลและบรรดาขุนพลทั้งหลายต่างพากันขบขัน คิดว่าสตรีผู้นี้คงจะวิกลจริต แต่อย่างไรก็ดี น่าประหลาดอะไรเช่นนั้น ท่ามกลางขุนนางผู้ใหญ่เป็นอันมาก ท่ามกลางขุนศึกหลายคนที่เปิดปากหัวเราะเยาะเย้ย เธอก็ได้ทำให้คนทั้งหลายในที่นั้นต้องตกตะลึงพรึงเพริดและตาค้างไปตามกัน กิริยาท่าทางที่อ่อนแอและซึมเศร้าของเธอได้หายไปสิ้น เธอตั้งตัวตรงแข็งแรง พูดจาเฉลียวฉลาด และอาจหาญพูดจาฉะฉานราวกับผู้ที่ได้ร่ำเรียนวิชาทหารมาอย่างช่ำชอง โต้ตอบขุนศึกตาขาวเหล่านั้นทันควันทุกประเด็น (เข้าใจว่าเข้าทรง)
พระเจ้าชาร์ลพิจารณาแล้วก็ทรงเชื่อถือ จึงมอบกองทัพให้แก่จานดาร์คเป็นเพียงเล็กน้อย ด้วยความเชื่อมั่นในพระทัยที่ไม่เต็มที่นักว่า จานดาร์คจะได้พรจากเทพเจ้า แล้วในที่สุดก็คงจะมีชัยแก่ศัตรูจริงๆ
จานดาร์คได้แต่งตัวอย่างผู้ชาย มือหนึ่งถือดาบ อีกมือหนึ่งถือหอก นำขบวนทหารออกรบสู่แนวหน้า แล้วถูกศัตรูยิงเธอด้วยลูกธนูที่ไหล่เลือดอาบไปทั้งกาย แต่เธอก็มิได้สะทกสะท้านหวั่นไหว นำขบวนทหารเข้าสู่รบต่อไปไม่หยุดยั้ง แล้วในที่สุดเธอก็สามารถกอบกู้เอกราชได้จนสำเร็จจริงๆ
ชัยชนะของเมือง “ออร์เลอองส์” ทำให้ขวัญของทหารและพลเมืองชาวฝรั่งเศสดีขึ้น แต่ขวัญของทหารอังกฤษเริ่มเสีย เพราะการสู้รบอันน่ามหัศจรรย์ใจของจานดาร์ค ดังนั้นไม่ช้านักเธอก็ตีทัพของอังกฤษที่ยึดอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ได้หลายเมือง และได้ชัยชนะทุกครั้งที่เข้าโจมตี จนกองทัพของอังกฤษพากันประหวั่นพรั่นพรึงในความเก่งกาจสามารถของเธอไปตามกัน ต่างพากันโจษจันถึงการรบพุ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ
เธอได้ขันอาสากับพระเจ้าชาร์ลว่า จะเข้าโจมตีกรุงปารีส แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากขุนนางผู้มีนิสัยช่างริษยาหลายคน หาว่าจานดาร์คเป็นแม่มด ถ้าขืนยอมให้เป็นแม่ทัพต่อไป ในที่สุดจานดาร์คก็จะแย่งพระราชสมบัติของพระเจ้าชาร์ลเสีย จึงมิได้ยินยอม แต่จานดาร์คก็มิได้ยินยอมเหมือนกัน กลับคุมกองทัพเข้าตีกองทัพอังกฤษจนถอยร่นลงมาจนถึงกรุงปารีส แล้วบุกเข้านครปารีสอย่างห้าวหาญ
เรื่องของความอิจฉาริษยาก็น่าอัศจรรย์ใจ เพราะพวกขุนนางทั้งหลายทั้งๆ ที่บ้านเมืองตกอยู่ในภัยอันตรายอย่างยับเยิน ก็ยังยุยงส่งเสริมจนพระเจ้าชาร์ลจับจานดาร์คเข้าไปคุมขังไว้จนได้ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อจานดาร์คถูกคุมขังนั้น ปรากกว่ากองทัพของอังกฤษกลับเป็นฝ่ายรุกขึ้นมาอีก
จานดาร์คทราบข่าวนี้โดยตลอด จึงอดทนอยู่ในที่คุมขังไม่ไหว เธอได้พยายามแหกคุกออกมาจนได้ แล้วตรงไปยังเมืองควมเปียญ ฝ่ายขุนนางผู้ริษยาได้จับตัวเธอเอาไว้แล้วนำเอาไปขายให้แก่กองทัพอังกฤษ พร้อมด้วยคำกล่าวหาว่า “เธอเป็นแม่มด”
ด้วยเหตุนี้เอง นาทีอันน่าสยดสยองก็ได้เกิดขึ้น จานดาร์ค วีรสตรีคนสำคัญของประเทศฝรั่งเศส ถูกนำตัวไปผูกติดไว้กับเสา แล้วก็ถูกเผาทั้งเป็น ถูกไฟไหม้เอาอย่างมิได้ปรานี และในท่ามกลางกองไฟนั้นเอง ใครๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็มิได้เห็นเธอแสดงความหวาดหวั่นแต่ประการใด เธอกล่าวพระนามของพระเยซูไปจนกระทั้งถึงแก่ความตาย
ความฝันมาบอกเหตุการณ์ให้แก่เธอได้ทราบถึงอนาคต แล้วความฝันยังได้สร้างอัจฉริยภาพให้แก่เธออีกด้วย
ในเรื่องนี้ ใครจะปฏิเสธได้ว่า ร่างกายและจิตใจของจานดาร์ค มิได้ถูกอำนาจของเทวดามาสนับสนุนอยู่เบื้องหลังตลอดการสู้รบนั้นๆ.

ไม่มีความคิดเห็น:

ดวงดีดอทคอม เวปใหม่