วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ประสบการณ์เร้นลับ


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค 47 ผมเป็นคนกรุงเทพ อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนรุ่นน้องมาหาผมที่บ้าน ชวนให้ไปเลี้ยงไก่งวงที่จังหวัดอุดร แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้นานแค่ไหน เพราะว่าผมกำลังติดต่อเรื่องงานอยู่ คอยการติดต่อกลับมาเท่านั้น สรุปแล้วผมก็ได้ไปช่วยเพื่อนเลี้ยงไก่งวงที่จ.อุดรเมื่อไปถึงอุดร ผมได้ไปพักที่บ้านแม่ยายของเพื่อนคนนั้น และได้ปรึกษากันว่าจะเลี้ยงไก่งวงที่ไหนกันดี ถ้าเลี้ยงข้างหลังบ้านของแม่ยาย น้ำ-ไฟก็สะดวก แต่พื้นที่ ที่จะเลี้ยงไก่งวงมีน้อย ไม่สะดวกในการเลี้ยงไก่งวงจำนวนมาก ถ้าไปเลี้ยงในที่นา มีพื้นกว้างมีความสะดวกและเหมาะในการเลี้ยงไก่งวง แต่ไม่มีน้ำประปา ไฟฟ้า น้ำที่ใช้มีเพียงน้ำในบ่อที่ขุดไว้ เป็นบ่อขนาดใหญ่มีความลึกพอสมควร ส่วนที่นอนพักมีเพียงเพิงที่ยกพื้นสูงระดับศรีษะ ไม่มีฝากั้นทั้ง 4 ด้าน เลยตกลงกันว่าจะเลี้ยงไก่งวงที่ท้องนา ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3-4 กิโลเมตร และยังต้องวิ่งตัดที่นาคนอื่นเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร ซึ่งทำให้ไม่ค่อยสะดวกนักในการเข้า-ออกนัก
เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ยายเพื่อนได้จ้างคนงานมา 5 คน เพื่อให้คนงานช่วยทำเล้าไก่ มีคนงานอยู่ 1 คน ท่าทางออกจะเป็นกะเทย อายุประมาณ 17 ปี ผมคิดว่าจะจ้างเขาให้ช่วยทำความสะอาดที่พัก จะจ้างเดือนละ 3,000 บาท เขาก็ปฏิเสธว่าให้เดือนละ 10,000 บาท ก็ไม่เอาที่มาทำก็เพราะเห็นว่ามากันหลายคนและเป็นเวลากลางวัน ถ้าให้มาค้างคืนที่นี่ไม่เอาเด็ดขาด เขาได้ถามผมว่าพี่คิดอย่างไรที่มาเลี้ยงไก่ที่นี่แถวนี้ พอตก 4-5 โมงเย็นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาแถวนี้ พี่กลัวผีหรือกลัวคนมากกว่ากัน ผมก็ตอบว่ากลัวคนมากกว่า เพราะผมไม่ใช่คนที่นี่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เขาตอบมาว่า ถ้าพี่กลัวคนมากกว่าผีก็ไม่เป็นไร เพราะแถวนี้ตกเย็นไม่มีคนเดินให้เห็น ถ้าเห็นก็ไม่ใช่คนแน่นอนเป็นอันว่าก็ไม่ได้คนงานทำความสะอาดต้องทำกันเอง
เมื่อวันที่ 14 มี.ค 47 ผมได้นำไก่มาลงที่นาที่จัดเตรียมไว้ เพื่อนได้บอกผมว่าคืนนี้ต้องนอนเฝ้าไก่กันที่นี่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่อย่าทิ้งผมนะ วันนั้นกว่าเราจะทำงานเสร็จก็ราว 2 ทุ่ม ถึงจะได้พักผ่อนกัน พอเข้ามุ้งเพื่อนได้เอาผ้าห่มคลุมโปงและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ส่วนผมยังสวดมนต์และนั่งสมาธิ อยู่ราว 3 ทุ่มกว่า จึงได้ล้มตัวลงนอนอยู่ข้างๆเพื่อนแล้วหลับไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงขึ้นที่ขื่อ ผมลืมตาขึ้นมาเห็นเพื่อนลุกขึ้นมานั่งคลุมโปงด้วยอาการสั่นเทา และมองไปที่ขื่อหลังคา ผมได้มองตามสายตาของอเหมือนคนไม่มีลูกตา กำลังมองมาทางเพื่อนอยู่ ผมเลยดึงมือเพื่อนผมให้ลงมานอนข้างผม เมื่อเพื่อนนอนลงมาตามที่ผมบอก แล้วผมก็ลุกขึ้นมานั่งหันไปหยิบมีดหมอของหลวงพ่อที่ได้นำติดตัวมา ออกมาทำการอาราชธนา เพื่อขับไล่ปีศาลให้หนีไป ระหว่างที่ผมทำการอาราชธนาอยู่นั้น ผีสาวตนนั้นได้ลงมาจับขาเพื่อนผม แล้วยกตัวเพื่อนผมให้ลอยขึ้นจากพื้น ผมได้เอามีดหมอวางลงบนหน้าอกของเพื่อนแล้วอาราชธนา สักพักเพื่อนก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วถามผมว่า พี่ทำอะไร ตอนที่พี่ดึงผมให้ล้มลงนอนผมกระดิกตัวไม่ได้เลย ผมเห็นทุกอย่าง ผมเห็นพี่ลุกขึ้นมาทำอะไรก็ไม่รู้ ผีมันจับขาผมและยกตัวผมให้ลอยขึ้นจากพื้น ผมพยายามร้องให้พี่ช่วยแต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ผมเห้นพี่เอามีดหมอมาวางที่หน้าอกผม พอพี่วางมีดลงผีผู้หญิงคนนั้นก็หายไป ผมก็กระดิกตัวได้และรีบลุกขึ้นมานั่ง พอหายจากอาการตกใจ ผมจึงได้ปลอบใจเพื่อนไปว่าไม่มีอะไรแล้วทำใจให้สบาย
พอเริ่มเช้า พ่อตา แม่ยายของเพื่อน พร้อมอาผู้ใหญ่ และคนในหมู่บ้านอีกหลายคน หนึ่งในนั้นมีอาพุด ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กของแม่ยายเพื่อนตามมาด้วย คำถามแรกที่หลุดออกจากปากแม่ยายเพื่อน คือเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทุกคนล้อมวงกันเข้ามาฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากปากของเพื่อนอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อฟังจบแล้ว พ่อผู้ใหญ่ก็หันมาพูดกับผมว่า ทีแรกพวกพ่อไม่อยากจะเล่าให้ฟังเกรงว่าจะกลัวและหนีกลับกรุงเทพฯเสียก่อน แต่เธอเป็นคนมีวิชาติดตัว พ่อก็เล่าให้ฟัง ผู้หญิงที่เธอเห็นเมื่อคืน ชื่อ “ สุ ” เป็นลูกสาวของอาพุด เธอได้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เธอเป็นคนหน้าตาดี เลยมีหนุ่มๆมาจีบเยอะ ซึ่งตัวเธอก็ชอบแต่ก็ยังไม่คบใครเป็นแฟนจริงจัง เพราะฐานะของเธอยากจน เธอยังต้องส่งเงินมาช่วยทางบ้านทุกเดือน ด้วยเหตุนี้เธอจึงยังไม่มีแฟน และเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ “ สุ ” ประสบอุบัติเหตุโดนรถชนตายที่กรุงเทพฯ เมื่อเอาศพกลับมาที่อุดร อาพุดก็ไม่ยอมให้ใครเอาศพของ สุ ไปทำพิธีที่วัด กลับเอาศพของสุไปฝังไว้ที่นาของอาพุดเอง ซึ่งอยู่ติดกับที่นาของแม่ยายเพื่อน พ่อผู้ใหญ่พูดแล้วชี้มือไปยังกอไฝ่กอใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากเพิงที่เราพักไม่เท่าไรนัก หลังจากนำศพของ สุ ไปฝังไว้ที่นาก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นหลายครั้ง บางครั้งมีคนเดินผ่านที่นาตอนเย็นๆก็จะแห็นผู้หญิง บางครั้งก็นั่ง บางครั้งก็ยืนกวักมือเรียกอยู่ในกอไฝ่ บางคืนที่มีฝนตกจะมีคนออกมาหาปลาที่บ่อน้ำ ที่มีบ่อเดียวในท้องนา จะเห็นผู้หญิงดำผุดดำว่ายเล่นน้ำอยู่ในบ่อน้ำนั้นคนเดียวในขณะที่ฝนตก พอเดินเข้าไปใกล้แล้วยกตะเกียงขึ้นส่องดู ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามาหาเท่านั้นเองชายหนุ่มที่ออกหาปลา ทิ้งแห ทิ้งตะเกียง ไว้ตรงนั้น วื่งกระเจิ่งกระเจิงเข้าหมู่บ้านอย่างไม่คิดชีวิต จากคำบอกเล่าของชายหนุ่มคนนั้น ผู้หญิงคนที่เขาเห็น คือ สุ นั่นเอง เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้คนในหมู่บ้านไม่มีใครกล้าเข้ามาในบริเวณนี้ ไเป็นผู้หญิงจึงชอบชายหนุ่มเป็นเรื่องธรรมดา พวกผมเป็นเข้ามาอยู่ใหม่เป็นคนแปลกหน้า จึงมาทักทายด้วย หวังว่าคงไม่กลัวจนกลับกรุงเทพฯนะ แต่เพื่อนได้บอกว่า “ ผมกลัวครับกลัวมากด้วย” พ่อผูใหญ่จึงปลอบใจว่า ถ้ากลัวพ่อจะเลี้ยงเหล้าพวกเธอ 2 คนก็แล้วกัน จึงให้คนไปซื้อเหล้ามากินกัน แต่ผมได้ปฏิเสธไป ให้เหตุผลว่า ผมถือศีลห้า
เขียน โดย อาจารย์ ชาญเวทย์ แสนทวี

ไม่มีความคิดเห็น:

ดวงดีดอทคอม เวปใหม่